ฟาน ไดค์ เผยความคืบหน้าในการเจรจาสัญญาใหม่กับ ลิเวอร์พูล ว่ามีความคืบหน้าขึ้นแล้ว

กัปตันทีม เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (Virgil van Dijk) เปิดเผยว่ามีความคืบหน้าในการเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) เกิดขึ้นแล้ว กองหลังวัย 33 ปีจะหมดสัญญากับทีมในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ และเขาเคยให้สัมภาษณ์ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่าไม่รู้เลยว่าจะยังคงอยู่ที่ แอนฟิลด์ (Anfield) ต่อไปหรือไม่ ฟาน ไดค์ (van Dijk) เป็นหนึ่งในสามนักเตะคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่กำลังจะหมดสัญญา โดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) ที่ยังไม่ได้ต่อสัญญาเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากการพ่ายแพ้ 3-2 ต่อ ฟูแล่ม (Fulham) ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองหลังชาวดัตช์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในแง่บวกมากขึ้นเกี่ยวกับโอกาสที่จะอยู่กับสโมสรต่อไป “มีความคืบหน้าแล้ว” กัปตันทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ (Netherlands) กล่าว
“ผมไม่รู้ [ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่] เราต้องรอดูกัน ฟังนะ พวกนี้เป็นการพูดคุยภายใน และเราจะได้เห็นกัน” “ผมรักสโมสรนี้ ผมรักแฟนๆ และพวกเขาก็อยู่เคียงข้างเราเสมอ เราอยากตอบแทนพวกเขา” “แต่ผมอยากให้พวกเขามาอยู่เคียงข้างเราอีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ [เกมเหย้าพบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (West Ham United)] และทำให้สนามเป็นสถานที่ที่น่าอัศจรรย์สำหรับพวกเราเหมือนเช่นเคย” ลิเวอร์พูล (Liverpool) ยังคงนำจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก (Premier League) ด้วยคะแนนห่าง 11 แต้ม แม้ว่าจะพ่ายแพ้ในลอนดอนตะวันตก การพ่ายแพ้ที่ เครเวน คอตเทจ (Craven Cottage) เป็นความพ่ายแพ้ในลีกครั้งที่สองของฤดูกาลเท่านั้น และเป็นครั้งแรกในรอบ 26 เกม “มันเป็นวันที่แย่ในการทำงานของพวกเราทุกคน” ฟาน ไดค์ (van Dijk) กล่าวเพิ่มเติม “มีช่วงเวลาเฉพาะบุคคลที่เราควรจัดการให้ดีกว่านี้ มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในฐานะทีม” ฟาน ไดค์ (van Dijk) ย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล (Liverpool) ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์จาก เซาแธมป์ตัน (Southampton) ในปี 2018 เขาทำประตูได้ 26 ประตูจาก 323 นัดให้กับ หงส์แดง (the Reds) และเป็นกองหลังคนสำคัญในทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jurgen Klopp) ที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก (Premier League), แชมเปี้ยนส์ ลีก (Champions League), เอฟเอ คัพ (FA Cup) และ คาราบาว คัพ (EFL Cup) สองสมัย
อนาคตของ ฟาน ไดค์ กับ ลิเวอร์พูล บทบาทสำคัญในยุคเปลี่ยนผ่าน
เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (Virgil van Dijk) ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในกองหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เซาแธมป์ตัน (Southampton) ในปี 2018 การมาถึงของเขาเปลี่ยนแปลงแนวรับของทีมอย่างสิ้นเชิง และมีส่วนสำคัญในความสำเร็จทั้งหมดที่เกิดขึ้นในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jurgen Klopp) ภายใต้การนำของ ฟาน ไดค์ (van Dijk) แนวรับของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่เคยถูกวิจารณ์ว่าเป็นจุดอ่อนของทีมกลายเป็นหนึ่งในแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป คุณสมบัติความเป็นผู้นำ ทักษะการอ่านเกม และความสามารถทางกายภาพของเขาทำให้ ฟาน ไดค์ (van Dijk) กลายเป็นเสาหลักที่ทีมไม่สามารถขาดได้ ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล (Liverpool) กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้ง sunday999 สำคัญหลังจากการจากไปของ เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jurgen Klopp) การรักษาผู้เล่นคนสำคัญเอาไว้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัปตันทีมอย่าง ฟาน ไดค์ (van Dijk) ที่เป็นทั้งผู้นำในสนามและนอกสนาม อย่างไรก็ตาม อายุ 33 ปีของเขา sunday999 ทำให้ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับระยะเวลาและมูลค่าของสัญญาฉบับใหม่ ในขณะที่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (Virgil van Dijk) ยังคงแสดงให้เห็นว่าสามารถเล่นในระดับสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง แต่ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ก็ต้องวางแผนสำหรับอนาคตในระยะยาวด้วยเช่นกัน
ความสำคัญของสามสตาร์หลักที่กำลังจะหมดสัญญา ในทีมหงส์แดง
นอกจาก ฟาน ไดค์ (van Dijk) แล้ว ลิเวอร์พูล (Liverpool) ยังมีผู้เล่นคนสำคัญอีกสองคนที่กำลังจะหมดสัญญาเช่นกัน นั่นคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) ทั้งสามคนเป็นแกนหลักของทีมที่ประสบความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ยังคงเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของทีม ด้วยความสามารถในการทำประตูและการสร้างโอกาสที่โดดเด่น ในขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) ได้พัฒนากลายเป็นหนึ่งในแบ็คขวาที่สร้างสรรค์ที่สุดในโลกฟุตบอล การรักษาผู้เล่นระดับโลกทั้งสามคนนี้ไว้จะส่งสัญญาณถึงความทะเยอทะยานของสโมสรและความต่อเนื่องในการแข่งขันเพื่อชิงถ้วยรางวัลต่างๆ แต่ก็เป็นความท้าทายอย่างยิ่งในแง่ของการบริหารงบประมาณค่าเหนื่อย
การฟื้นตัวหลังความพ่ายแพ้ที่ ฟูแล่ม การพ่ายแพ้ 3-2 ต่อ ฟูแล่ม (Fulham) เป็นเพียงครั้งที่สองในฤดูกาลนี้สำหรับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาภายใต้การนำของ ผู้จัดการทีมคนใหม่ ความพ่ายแพ้นี้เป็นการย้ำเตือนว่าแม้จะนำจ่าฝูงด้วยคะแนนห่าง 11 แต้ม แต่ทีมยังคงต้องรักษามาตรฐานการเล่นที่สูงตลอดทั้งฤดูกาล ฟาน ไดค์ (van Dijk) ในฐานะกัปตันทีม ได้แสดงความผิดหวังกับผลการแข่งขันและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับปรุงประสิทธิภาพในเกมต่อไป การตอบสนองของทีมต่อความพ่ายแพ้นี้จะเป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับความแข็งแกร่งทางจิตใจและความเป็นผู้นำของ ฟาน ไดค์ (van Dijk) เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (Virgil van Dijk) ได้สร้างมรดกอันยิ่งใหญ่ที่ แอนฟิลด์ (Anfield) แล้ว ด้วยการช่วยทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก (Premier League) หลังจากรอคอยมานาน 30 ปี รวมถึง แชมเปี้ยนส์ ลีก (Champions League), เอฟเอ คัพ (FA Cup) และ คาราบาว คัพ (EFL Cup) สองสมัย จากกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกในขณะนั้น ฟาน ไดค์ (van Dijk) ได้พิสูจน์ว่าเขาคุ้มค่ากับทุกเพนนีที่ ลิเวอร์พูล (Liverpool) จ่ายไป และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก (Premier League) การตัดสินใจของเขาเกี่ยวกับอนาคตจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางของสโมสรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) จะช่วยให้เขามีโอกาสเพิ่มเติมความสำเร็จกับสโมสรและอาจจบอาชีพที่นี่ในฐานะตำนานของทีม ในท้ายที่สุด ไม่ว่าการตัดสินใจของ ฟาน ไดค์ (van Dijk) จะเป็นอย่างไร แฟนๆ ลิเวอร์พูล (Liverpool) จะยังคงชื่นชมในผลงานและความทุ่มเทที่เขามีให้กับสโมสร และหวังว่าจะได้เห็นกัปตันคนสำคัญคนนี้อยู่กับทีมต่อไปในอนาคต