ฉากจบ ยูโร 2024 2 ผู้แพ้ และ 2 ผู้ชนะของทัวร์นาเมนต์
ผู้ชนะ : หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้
หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้: จากโค้ชไม่มีชื่อสู่ตำนานผู้สร้างประวัติศาสตร์
หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ผู้จัดการ ทีมชาติ สเปน พิสูจน์ให้เห็นว่าความสำเร็จของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หลังนำทีมคว้าแชมป์ยูโร 2024 ด้วยชัยชนะในนาทีที่ 86 จากประตูของ มิเกล โอยาร์ซาบาล
แม้จะไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน แต่เด ลา ฟวนเต้ วัย 63 ปี ได้สร้างผลงานอันน่าทึ่งด้วยการคว้าแชมป์ยูโรในทุกระดับชั้น ทั้งรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี, 21 ปี และทีมชุดใหญ่
โรดรี้ กล่าวยกย่องผู้จัดการทีมว่า “เด ลา ฟวนเต้ รู้ดีว่าเขาทำอะไรอยู่” พร้อมชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของทีมในการเอาชนะคู่แข่งที่แข็งแกร่งตลอดทัวร์นาเมนต์
ปรัชญาการเล่นเกมรุกของเด ลา ฟวนเต้ และความกล้าในการใช้นักเตะดาวรุ่งอย่าง ลามีน ยามาล และ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของ ทีมชาติ สเปน
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันความสามารถของเด ลา ฟวนเต้ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงอนาคตอันสดใสของฟุตบอล สเปน ภายใต้การนำของเขา ทั้งนี้ทางเรายังมีบริการแทงบอลผ่าน แทงบอล sbobet ได้ตลอด 24 ชม.
ผู้แพ้ : คิลิยัน เอ็มบัปเป้
คิลิยัน เอ็มบัปเป้: ความท้าทายและการเรียนรู้ในฐานะผู้นำทีมชาติฝรั่งเศส
คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวเตะ ทีมชาติ ฝรั่งเศส ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงความผิดหวังหลังทีมพ่ายแพ้ต่อสเปนในรอบรองชนะเลิศยูโร 2024 โดยกล่าวว่า “มันคือความล้มเหลว”
ทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้เป็นบททดสอบที่ยากลำบากสำหรับ เอ็มบัปเป้ เริ่มตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บที่จมูกในนัดแรกกับ ออสเตรีย ส่งผลให้ต้องสวมหน้ากากป้องกันตลอดการแข่งขัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของเขา
นอกจากความท้าทายทางร่างกายแล้ว เอ็มบัปเป้ ยังต้องรับมือกับความกดดันในฐานะกัปตันทีมคนใหม่ของ เลส์ เบลอส์ ซึ่งนำมาสู่การวิพากษ์วิจารณ์จากอดีตนักเตะ ทีมชาติ ฝรั่งเศส บางราย ที่ตั้งคำถามถึงความพร้อมของเขาในการเป็นผู้นำทีม
แม้จะเป็นประสบการณ์ที่ยากลำบาก แต่ทัวร์นาเมนต์นี้อาจเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับ เอ็มบัปเป้ ในการพัฒนาตนเองทั้งในฐานะนักเตะและผู้นำทีม เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตกับทั้งสโมสรใหม่อย่าง เรอัล มาดริด และ ทีมชาติ ฝรั่งเศส
ผู้ชนะ : ราล์ฟ รังนิก
ราล์ฟ รังนิก: การฟื้นคืนชื่อเสียงกับ ทีมชาติ ออสเตรีย
ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมชาว เยอรมัน ได้พลิกโฉมภาพลักษณ์ของตนเองหลังจากประสบการณ์อันยากลำบากกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการนำ ทีมชาติออส เตรียสร้างผลงานน่าประทับใจในศึกยูโร 2024
แม้จะพ่ายแพ้ต่อ ฝรั่งเศส ในนัดแรก แต่ ออสเตรีย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้วยชัยชนะเหนือ โปแลนด์ และ เนเธอร์แลนด์ ทำให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
ถึงแม้จะตกรอบด้วยการแพ้ต่อ ตุรกี 2-1 แต่สไตล์การเล่นที่สนุกสนานและกล้าได้กล้าเสียของ ออสเตรีย ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง รังนิกแสดงความผิดหวังหลังเกม โดยกล่าวว่า “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะกลับบ้าน เราคิดว่าเราจะได้ผจญภัยกันต่อที่นี่” พร้อมทั้งชื่นชมการเซฟของผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้าม เมิร์ต กูน็อก ที่ปฏิเสธโอกาสตีเสมอของทีมในนาทีสุดท้าย
ผลงานของออสเตรียภายใต้การคุมทีมของรังนิกได้รับการยกย่องอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับทีมอย่าง ฝรั่งเศส ที่ถูกวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่น การแสดงศักยภาพของ ทีมออสเตรีย ทำให้หลายคนลืมความล้มเหลวของรังนิกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมองเห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของเขาในฐานะผู้จัดการทีม หากท่านใดสนใจแทงบอล ทางเรายังมีบริการ แทงบอล sbobet ต้อนรับตลอด 24 ชม.
ผู้แพ้ : อิตาเลี่ยนฟุตบอล
อิตาลี: จากแชมป์เก่าสู่ความผิดหวังในยูโร 2024
ทีมชาติ อิตาลี แชมป์เก่ายูโร ต้องพบกับความผิดหวังอย่างหนักในการป้องกันแชมป์ยูโร 2024 โดยแสดงให้เห็นถึงความตกต่ำของฟุตบอลอิตาเลียน
แม้จะเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยชัยชนะเหนือ แอลเบเนีย 2-1 แต่ อิตาลี ก็พ่ายแพ้ต่อ สเปน 1-0 จากการทำประตูตัวเอง และเกือบตกรอบแบ่งกลุ่มก่อนจะตีเสมอโครเอเชียได้ในนาทีสุดท้าย
จุดจบของทีมอัซซูรี่มาถึงในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่ายแพ้ต่อ สวิตเซอร์แลนด์ อย่างขาดลอย 2-0 ส่งผลให้ผู้จัดการทีม ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง
ผลงานอันน่าผิดหวังนี้สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของเกมรับ ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของทีม อิตาลี มาโดยตลอด และแสดงให้เห็นว่า อิตาลี ไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นในระดับสูงได้อีกต่อไป
หลังจากพลาดรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกสองสมัยติดต่อกัน และผลงานอันน่าผิดหวังในยูโรครั้งนี้ คาดว่าวงการฟุตบอลอิตาลีจำเป็นต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลโลกอีกครั้ง